วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เคล็ดลับ สุขภาพดี ด้วย 18 วิธี ง่ายๆ

สุขภาพดีอาจจะหาซื้อไม่ได้แต่เป็นเจ้าของได้แน่นอน ถ้าสาวๆ ทำตามเคล็ดลับเหล่านี้

1. แอปเปิ้ล แตงโม กล้วย กีวีต้องระวัง
ผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้มีประโยชน์มาก แต่ถ้าคุณกำลังทานยาปฏิชีวนะอยู่ ผลไม้พวกนี้จะกลายเป็นโทษทันทีเพราะมันบูดในลำไส้ได้ง่าย อาจจะทำให้เกิดอาการอักเสบในระบบทางเดินอาหารได้

2. ผลไม้กับมื้ออาหาร
ก่อนทานอาหารควรจะเรยีกน้ำย่อยด้วยสับปะรดและมะละกอสัก 2-3 ชิ้น ผลไม้สองชนิดนี้มีเอนไซม์ที่จะช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารมื้อหลักที่กำลังจะตามลงมาได้ง่ายขึ้น และหลังจากจบมื้ออร่อยแล้วควรตบท้ายด้วยแอปเปิ้ลสัก 1 ชิ้นเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลายซึ่งจะทำให้จำนวนแบคทีเรียในช่องปากลดลง และช่วยให้เหงือกแข็งแรงด้วย

3. อย่าปล่อยให้หิว
ควรจะทานอาหารให้ตรงเวลาทุกวันแม้จะยังไม่รู้สึกหิวก็ตาม เพราะเวลาที่เราหิวร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนควมเครียดออกมา ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำก็จะทำให้คุณกลายเป็นสาวเครียด และนำไปสู่อาการความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือเบาหวาน
4. เนื้อสัตว์กับผลไม้ไม่เข้ากัน
ถ้าทานน้อยๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามื้อไหนคุณทานเนื้อเป็นจำนวนมากแล้วควรจะงดผลไม้ไป เพราะกว่าเนื้อจะย่อยหมดต้องใช้เวลานาน ส่าวนผลไม้ซึ่งย่อยเร็วจะถูกกักอยู่ในกระเพาะ จึงทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารได้

5. นาฬิกาชีวภาพ
หลักการสุขภาพดีบอกไว้ว่าเราควรจะเข้านอนในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน แต่ส่วนใหญ่พอถึงคืนวันศุกร์กับวันเสาร์เรามักจะนอนดึกเพราะถือว่าเป็นวันหยุด การทำอย่างนี้จะทำให้ความเคยชินหรือที่เรียกว่าชีวภาพของร่างกายรวรเร จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่วันจันทร์เราจะง่วงนอนกว่าปกติ

6. ความเครียดทำลายผิว
ถ้าอยากผิวสวย แก่ช้า ดูอ่อนกว่าวัย สิ่งแรกที่ต้องปรับคือความคิดของตัวเราเอง พยายามคิดในทางบวก มองโลกในแง่ดี หลีกเลี่ยงความคิดที่ทำให้ตึงเครียด เพื่อไม่ให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกทำลายตัวเราเอง

7. หลีกเลี่ยงภาชนะพลาสติก
เพราะความร้อนรวมทั้งรสชาติเผ็ดเปรี้ยว เค็มจากอาหารสามารถเข้าไปกัดเซาะสารสังเคราะห์ในพลาสติกให้ละลายออกปะปนกับอาหารได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการใช้ภาชนะพลาสติกใส่อาหารเข้าอุ่นในเตาไมโครเวฟยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง เพราะเป็นการเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเป็นอย่างมาก

8. อย่าประมาทอาการไอเรื้อรัง
หลังจากหายหวัดแล้วอาการไออาจจะยังไม่หายไป แต่สาวหลายคนมักจะไม่สนใจเพราะคิดว่าอาการไอเป็นเรื่องชิลๆ แต่ที่จริงอาการไอเรื้อรังร้ายแรงกว่าที่คุณคิด เพราะมันอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ยาปฏิชีวนะ ที่หมอให้มารักษาอาการหวัดไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ วิธีหยุดอาการไอที่ได้ผลที่สุดคือการดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อลดเสมหะในทางเดินหายใจ และนอนหลับให้เพียงพอเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้เต็มที่

9. เท้าและข้อเท้าบวม
ถ้ามีอาการแบบนี้อย่าปล่อยไว้ เพราะฝ่าเท้าเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาททั่วร่างกาย ถ้าบริเวณเท้ามีปัญหาก็จะส่งผลถึงร่างกายทุกส่วน วิธีแก้ไขคือให้นั่งยองๆ ทุกวันๆ ละ 15 นาทีจากนั้นก็ขยับข้อเท้าไปข้างหน้าและข้างหลังเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น หลังจากนั้นใช้แปรงขนนุ่มๆ แปรงผิวหนังเบาๆ โดยเริ่มจากฝ่าเท้าแล้วค่อยๆ ปัดไล่ขึ้นมาที่ข้อเท้า น่อง ต้นขา ท้อง แขนไปจนสุดที่มือทั้งสองข้าง (ยกเว้นผู้ที่เป็นเบาหวานเพราะเสี่ยงจะเกิดบาดแผล) ตบท้ายด้วยการอาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น

10. งดเครื่องดื่มคาเฟอีน
เครื่องดื่มพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟ ปกติก็ไม่ควรดื่มอยู่แล้ว แต่ถ้าบังเอิญคุณเป็นโรคปวดหลัง เครื่องดื่มพวกนี้จะเป็นศัตรูของคุณไปทันที เพราะคาเฟอีนจะไปลดการหลั่งสารเอนโดรฟินซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดตามอวัยวะต่างๆ อาการปวดของคุณก็จะไม่หายหรืออาจจะเป็นมากขึ้นด้วย

11. ดื่มน้ำเร็ว...อันตราย
ใครๆ ก็บอกว่าควรจะดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว แต่ต้องค่อยๆ ดื่มไปตลอดวัน ไม่ใช่ทั้งวันไม่ดื่มเลย แล้วมารวบยอดเอาในครั้งเดียว เพราะการดื่มน้ำปริมาณมากๆ ในครั้งเดียวอาจทำให้เกิดอาการน้ำเป็นพิษเนื่องจากเลือดเจือจาง และอาจทำให้เป็นตะคริว กล้ามเนื้อเกร็งตามมา ยิ่งถ้าอาการเกร็งไปเกิดที่สมอง หัวใจ หรือปอด ก็อาจจะทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้

12. แดดอ่อนตอนเช้า
แสงแดดยามเช้าจัดว่าเป็นยาตามธรรมชาติที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ นอกจากทำให้กระดูกแข็งแรงแล้วยังทำให้อารมณ์ดี เพราะแดดอ่อนๆ มีวิตามินที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข ออกมาต่อต้านอาการซึมเศร้าในตัวเรา คนที่เดินเล่นรับแดดอ่อนจึงมีหน้าตาเบิกบานกว่าคนที่มัวแต่หลบแดดอยู่ในบ้านมาก

13. เบาหวานอย่าทานไข่
ถ้าสมาชิกในครอบครัวคุณคนไหนเป็นเบาหวาน ควรให้เขางดไข่ไปเลย เพราะมีรายงานทางการแพทย์ว่าถ้าคนที่เป็นเบาหวานทานไข่อาทิตย์ละ 1 ฟอง จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากขึ้น

14. อยากผอมต้องน้ำเย็น
การดื่มน้ำเย็น 50 ออนซ์ จะช่วยเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นวันละ 50 แคลอรี ช่วยให้น้ำหนักลดลงปีละ 2.5 กิโลกรัม เพราะเมื่อเราดื่มน้ำเย็นร่างกายต้องใช้พลังงานในการทำให้น้ำนั้นเปลี่ยนอุณหภูมิเป็นอุณหภูมิปกติก่อน แล้วจึงนำไปใช้ได้ จึงเป็นการใช้พลังงานมากกว่าเดิม

15. สุขภาพดีทันทีที่ตื่น
ถ้าอยากดูแลสุขภาพพร้อมกับการเริ่มต้นวันใหม่ ทันทีที่ตื่นนอนสาวๆ ควรผสมน้ำส้มสายชู (ที่หมักจากผลแอปเปิ้ล) กับน้ำผึ้งในสัดส่วนเท่ากัน ใส่น้ำอุ่นนิดหน่อย คนให้เข้ากันแล้วนำมาดื่ม จะช่วยให้การดูดซึมของระบบลำไส้และการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ดีตลอดวัน

16. ผู้ชายอย่าพลาดมะเขือเทศ
สำหรับหนุ่มซ่าที่กำลังเริ่มมีอาการเตะปี๊ปไม่ดังหรือกลัวว่าจะเป็นหมัน มะเขือเทศคือผลไม้ที่คุณจะพลาดไม่ได้ เพราะมะเขือเทศสุกมีสารโคปีนสูงมาก ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้ดี ประสิทธิ์ภาพและสมรรถภาพต่างๆ จึงทำงานได้เป็นปกติ ถ้าผู้ชายทานมะเขือเทศอย่างน้อยอาทิตย์ละ 10 ผลหรือมากกว่านั้น ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ก็จะน้อยลง 45 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญควรจะทานแบบสุกๆ เช่น ทานเป็นน้ำพริกอ่อง สปาเก็ตตี้ เพราะเวลามะเขือเทศถูกความร้อนมันจะปล่อยสารไลโคปีนออกมามากขึ้น

17. ป้องกันกรดในกระเพาะอาหาร
สำหรับที่ท้องอืดบ่อย ควรลดปริมาณการดื่มน้ำผลไม้เข้มข้นอย่างเช่น มะนาว ส้ม ส้มโอ เกรฟฟรุต หรือน้ำมะเขือเทศสดนั่น เพราะน้ำพวกนี้มีกรดมากทำให้ท้องอืด หรือถ้าเสพติดไปแล้วอดไม่ได้จริงๆ ก็อาจจะทำให้เจือจางลงด้วยการผสมน้ำมากๆ

18. หลบอัลไซเมอร์ด้วยเกม
ถ้าไม่อยากเป็นอัลไซเมอร์หรือเป็นโรคขี้หลงขี้ลืม สาวๆ ควรจะฝึกสมองด้วยการเล่นเกมที่ต้องใช้สมาธิ เช่น ปริศนาอักษรไขว้ เกมในคอมพิวเตอร์ หรืออาจจะทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิอย่างเรียนดนตรี เล่นหมากรุก เป็นต้น เพราะเกมเหล่านี้จะช่วยให้ระบบประสาททำงานเชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คุณรู้ไหมว่า เลขบัตรประชาชน 13หลักหมายความถึงอะไรบ้าง?

เลขบัตรประชาชนจะมีรูปแบบตัวเลขลักษณะ ดังตัวอย่างนี้ 1 1001 01245 29 9 (เขียนเว้นวรรค ตามแบบ) แต่ละหลักก็จะมีความหมายดังนี้

หลักที่ 1 (คือหมายเลข 1 ในตัวอย่าง) จะหมายถึง ประเภทบุคคล ซึ่งมีอยู่ 8 ประเภทได้แก่

  • ประเภทที่ 1 คือ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย และได้แจ้งเกิดภายในกำหนดเวลา หมายความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527เป็นต้นไป อันเป็นวันเริ่มแรกที่เขาประกาศให้ประชาชนทุกคน ต้องมีเลขประจำตัว 13 หลัก เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองไปแจ้งเกิดที่อำเภอ หรือสำนักทะเบียนในเขตที่อยู่ภายใน 15 วันนับแต่เกิดมา ตามที่กฎหมายกำหนด เด็กคนนั้นก็ถือเป็นบุคคลประเภท 1 และจะมีเลขประจำตัวขึ้นด้วยเลข 1 และก็ต่อด้วยเลขหลักอื่นๆ อีก 12 ตัว เป็น 1 1001 01245 29 9 เป็นต้น ซึ่งเลขนี้จะปรากฏในทะเบียนบ้าน
  • ประเภทที่ 2 คือ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย ได้แจ้งเกิดเกินกำหนดเวลา หมายความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่1 มกราคม พ.ศ. 2527 เป็นต้นไป แล้วบังเอิญว่าพ่อแม่ผู้ปกครองลืมหรือติดธุระ ทำให้ไม่สามารถไปแจ้งเกิดที่อำเภอหรือเขตภายใน 15 วันตามกฎหมายกำหนด เมื่อไปแจ้งภายหลัง เด็กคนนั้นก็จะกลายเป็นบุคคลประเภท 2 และจะมีเลขตัวแรกในทะเบียนบ้านขึ้นด้วยเลข 2 ทันที
  • ประเภทที่ 3 คือ คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในสมัยเริ่มแรก(คือตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2527) หมายความว่า บุคคลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ณ ที่ใดที่หนึ่งในประเทศไทย มาตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527คนนั้นถือว่าเป็นบุคคลประเภท 3 และก็จะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 3
  • ประเภทที่ 4 คือ คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าวแต่แจ้งย้ายเข้า โดยยังไม่มีเลขประจำตัวประชาชน ในสมัยเริ่มแรก หมายความว่า คนไทยหรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าว ที่อาจจะเป็นบุคคลประเภท 3 คือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดิมอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้เลขประจำตัว ก็ขอย้ายบ้านไปเขตหรืออำเภออื่น ก่อนช่วงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527ก็จะเป็นบุคคลประเภท 4 ทันที
  • ประเภทที่ 5 คือ คนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อ เข้าไปในทะเบียนบ้านในกรณีตกสำรวจ หรือกรณีอื่นๆ
  • ประเภทที่ 6 คือ ผู้ที่เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้ที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ในลักษณะชั่วคราว กล่าวคือคนที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่ได้สัญชาติไทย เพราะทางการยังไม่รับรองทางกฎหมาย เช่น ชนกลุ่มน้อยตามชายแดนหรือชาวเขา กลุ่มนี้ถือว่าเป็นผู้เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนบุคคลที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ชั่วคราว
  • ประเภทที่ 7 คือ บุตรของบุคคลประเภทที่ 6 ซึ่งเกิดในประเทศไทย คนกลุ่มนี้ในทะเบียนประวัติจะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 7
  • ประเภทที่ 8 คือ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย คือ ผู้ที่ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือคนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย และคนที่ได้รับการให้สัญชาติไทย ตั้งแต่หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 เป็นต้นไปจนปัจจุบันคนกลุ่มนี้เลขในทะเบียนประวัติจะขึ้นด้วยเลข

คนทั้ง 8 ประเภทนี้ จะมีเพียงประเภทที่ 3, 4 และ 5 เท่านั้น ที่จะมีบัตรประชาชนได้เลย ส่วนประเภทที่ 1 และ 2 จะมีบัตรประชาชนได้ ก็ต่อเมื่อมีอายุถึงเกณฑ์ทำบัตรประจำตัวประชาชน คืออายุ 15 ปี แต่สำหรับบุคคลประเภทที่ 6, 7 และ 8จะมีเพียงทะเบียนประวัติเล่มสีเหลืองเท่านั้น จะไม่มีการออกบัตรประชาชนให้


วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Government asserts control


Local residents have been ordered not to interfere with flood management efforts like the building of the dyke pictured below to block floodwater from flowing into Khlong Prem Prachakorn.

Soldiers help people in communities near the Phra-in Racha sluice gate in Ayutthaya wade through strong flood currents. The water wastoo powerful for officials to close the sluice gate to save northern Bangkok from flooding yesterday. PATTANAPONG HIRUNARD

Govt makes barriers off-limits

Public prohibited from interfering in relief work

The government has declared water gates and flood barriers special control zones as it struggles not only with thedisaster but also with interference from protesting residents.

The provincial governors of Pathum Thani and Ayutthaya yesterday announced water gates, flood barriers and water pump stations had been declared off-limits to the public.

The announcement, issued under Section 31 of the Disaster Prevention and Mitigation Act, prohibits any persons fromdisrupting the authorities' disaster management work and gives powers to local administrative officials to remove or destroy any structures that obstruct disaster control operations.

Prime Minister Yingluck Shinawatra ordered the closure of Phra-in Racha sluice gate in Khlong Raphipat in Bang Pa-in district of Ayutthaya province, adjacent to Khlong 1 in Khlong Luang district of Pathum Thani yesterday.

The order came after week-long opposition from locals. The failure to close the sluice gate sent floodwater from Wang Noi district of Ayutthaya through Khlong 1 to Rangsit in Pathum Thani and further to Khlong Prem Prachakorn, which flowsdown to Bangkok.

Run-off from Pathum Thani and overflow from Khlong Prem Prachakorn has already flooded northern Bangkok.

Ms Yingluck ordered police to guard the Phra-in sluice gate and had Chatchawal Panyawatheenant, deputy director-general of the Irrigation Department, hold the key of the gate.

Irrigation officials, however, could not close the sluice gate due to strong flood currents.

Authorities build a dyke to block floodwater flowing into Khlong Prem Prachakorn in front of Wat Rangsit in Pathum Thani’s Muang district, despite opposition by residents nearby. THITI WANNAMONTHA


The announcements by the governors and the Prime Minister followed confrontations between the locals and authorities over flood relief measures.

On Saturday night, a group of tambon Khukot villagers in Pathum Thani's Lam Luk Ka district tried to disrupt the construction of a dyke by officials working to prevent floodwater flowing into Khlong Prem Prachakorn.

The villagers feared the dyke would prevent water from being drained out of their district. Gunshots were heard at thescene but there were no injuries. The officials were forced to retreat.

The prime minister yesterday expressed her concern about Don Muang and Laksi districts in northern Bangkok, which could suffer flooding from the northern runoff, and increasing water levels in Khlong Prem Prachakorn and Khlong Prapa.


She said floodwater would be drained through Bangkok's canals into the sea and told city residents it was inevitable they would be affected to some extent.

Overflows continued to flood areas near waterways in northern and some central parts of Bangkok yesterday.

Floods were expanding in Don Muang and Laksi districts because officials failed to block the water at Phra-in Racha sluice gate and repair a broken dyke along Khlong 2 in Pathum Thani.

Residents destroyed another part of the dyke under Khlong 2 bridge on Phahon Yothin Road, allowing floodwater to flow through Lam Luk Ka and into Khlong Prem Prachakorn.

See also: Bodies, crocs, little food send stress levels soaring http://bit.ly/oYfdF

Floods covered sections of Phahon Yothin Road in front of the National Memorial, the entrance of Don Mueang airport and the Royal Thai Air Force headquarters, as well as Song Prapha Road and Chaeng Watthana Road between Khlong Prapa and the government complex.

Communities along Khlong 2 in Sai Mai were 10-40cm under water.

Phahon Yothin Soi 54/1, which runs parallel to Khlong 2, was also slightly flooded.

However, the dyke along Khlong Hok Wa from Rittiyawannalai 2 School to the southern sluice gate of Khlong 2 remained higher than the level of the canal, despite its levels rising by about 30cm yesterday.

You can read the full story here: http://bit.ly/qEnWqk

assert – to make other people recognize your right or authority to do something, by behaving firmly and confidently แสดงสิทธิ์
community – the people living in one particular area ชุมชน
sluice gate – a gate that can be opened or closed to control the flow water along a passage ประตูน้ำปิดเปิดบังคับการไหลของน้ำในคลอง
wade – to walk with an effort through something, especially water or mud ลุย เดินท่องน้ำ หรือ โคลน
current – a strong movement of water in one direction กระแสน้ำ
barrier – a wall, pile of sandbags, etc., that prevents water from entering สิ่งกีดขวาง
off-limits – (of a place or area of land) not allowed to enter ที่ห้ามเข้า,ที่ไม่อนุญาตให้ผ่านเข้าไป
(the) public – people in general ประชาชน, สาธารณชน, มหาชน
prohibited –officially stopped from being done, especially by making it illegal (มีคำสั่ง)ห้าม
interfere – to deliberately become involved in a situation and try to influence the way that it develops, although you have no right to do this แทรกแซง
relief – help; assistance การช่วยให้พ้นภัย
declare – to announce officially that something is true or happening ประกาศ
zone – an area that has an important or typical feature; an area where a particular activity is allowed or not allowed พื้นที่, บริเวณ, เขต
struggle – to try hard to do something that you find very difficult พยายาม
disaster – something very bad that happens and causes a lot of damage or kills a lot of people ความหายนะ ภัยพิบัติ
protest – to make a strong complaint or disagreement ประท้วง
residents – people who live in a particular area ประชาชนที่อาศัยในท้องที่
issue – to officially announce or give out ออก, ออกประกาศ, ออกคำสั่ง
mitigation – a reduction in the harmful effects of something การบรรเทา การผ่อนคลาย
Act – a law passed by a country’s government พ.ร.บ. พระราชบัญญัติ
disrupt – to prevent something from continuing as usual or as expected ทำให้เสียกระบวน, ทำให้เสียระบบ, ทำให้สับสน
authorities – people who have the power to make decisions or enforce the law เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ
local – in or related to the area that you live, or to the particular area that you are talking about ท้องถิ่น
structure – something large such as a building or a bridge that is built from different parts โครงสร้าง, สิ่งก่อสร้าง
obstruct – to make it difficult for something to happen or for someone to go somewhere ขวางทาง
operation – an activity which is planned to achieve something การดำเนินการ
adjacent - very near, next to, or touching ติดกัน
opposition – strong disagreement with a plan or policy ความขัดแย้ง
locals – people who live in a particular place ชาวบ้าน
flow – (of a liquid) to move continuously in one direction ไหล
run-off – rain, water or other liquid that runs off land into streams and rivers น้ำหลาก
overflow – (of a river or body of water) water flooding the land next to it การไหลล้น
guard – to watch a place carefully to protect someone from attack, to prevent something from being stolen, or to prevent someone from escaping เฝ้ายาม, ดูแล, รักษาความปลอดภัย
deputy – a person whose rank is immediately below that of the leader of an organisation รอง
(Royal) Irrigation Department – The Thai government department in charge of the country's irrigation system กรมชลประทาน
dyke – a wall built to prevent the sea or a river from covering an area, or a channel dug to take water away from an area เขื่อนกั้นน้ำ
block – to stop someone/ something from moving through or along something else ปิดกั้น, กีดขวาง
confrontation – a situation in which people or groups are arguing angrily or are fighting การเผชิญหน้า
measure – an action taken to solve a particular problem มาตรการ
drain – to cause water or fluid to flow out ระบายออก
scene – site; a place where something happens or happened สถานที่เกิดเหตุ
injury – physical damage done to a person or a part of their body อาการบาดเจ็บ
retreat – to move back or away ถอยกลับ
concern – a worry ความกังวล
suffer – to be badly affected by a very difficult or unpleasant situation ประสบความลำบาก
level – the amount of liquid that there is in a container, river, dam, etc., which can be seen by how high the liquid is ระดับ
inevitable – certain to happen ที่เลี่ยงไม่ได้
to some extent – somewhat ในระดับหนึ่ง
expand – to make or become larger ขยาย เพิ่ม
repair – to fix something that is broken or damaged ซ่อมบำรุง
section – any of the parts into which something is divided ส่วน, ส่วนที่ตัดออก, ส่วนย่อย
headquarters – the place where an organisation or company has its main offices กองบัญชาการ
complex – an area that has several parts พื้นที่ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ
parallel – when the distance between two lines, etc. is the same all along their length ขนาน
slightly – small in size or amount เล็กน้อย

10 สุดยอดทำให้สมองบันเจิด

อันดับที่ 10 นอนหลับอย่างเพียงพอ
ใครๆก็รู้ว่าการพักผ่อนเป็นสิ่งที่จำเป็นของมนุษย์ ถ้าวันไหนอดนอนหรือนอนไม่ได้เต็มที่แน่นอนคุณจะต้องออกอาการเบอล์ คิดอะไรไม่ออกเป็นแน่แท้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นหรือครับ ก็เพราะว่าการอดหลับอดนอน มันมีผลต่อระบบต่างๆในร่างกายของเฮา โดยเฉพาะในส่วนของการรับรู้ ดังเช่น ความทรงจำ และ สมาธิ นอนไม่พอยังทำให้เกิดปรากฎการณ์ ที่เรียกว่า snowball effect แถมจะมีผลเรื้อรังอีกด้วยนะ!! ทำไง? เข้านอนให้ตรงเวลา ก่อนนอนก็อย่าแจ้นไปกินข้าว เล่นเกมส์

หรือ หาโน่นหานี่มาทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูหนาว พยายามเข้านอนแต่หัวค่ำ จะได้ตื่นขึ้นมารับรุ่งอรุณ ได้อย่างแจ่มใส เข้านอนแต่หัวค่ำจะช่วยให้คุณอารมณ์ดีและ กระปรี้กระเปร่าด้วยนะ เจ๋งไหมละ!!

อันดับที่ 9 ผ่อนคลาย
การผ่อนคลายถือเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้สมองแจ่มใส วิธีในการผ่อนคลายมีหลากหลายวิธีตามแต่คุณจะชอบอาทิ การฟังเพลงเบาๆ ร้องคาราโอเกะ การนั่งสมาธิ เช่นโยคะ เป็นต้น และมีมากมายร้อยแปดประการ

อันดับที่ 8 ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายถึงจุดจะทำให้ร่างกายหลั่งสารความสุข ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดการออกกำลังกายมากถ้าวันไหนไม่ได้ออกจะแทบคลั่งเลยทีเดียว ออกกำลังกายนอกจากจะทำให้สุขภาพกายดีแล้วยังทำให้สุขภาพจิตดีด้วยสมองก็แจ่มใส่ นอกจากนั้นการออกกำลังกายยังจะทำให้่ช่วยให้ ระบบเผาผลาญพลังงานดีขึ้น และทำให้หัวใจไม่เสื่อมเร็วด้วย ทำไง? ไปออกกำลังกายไง เน้นการออกกำลังกายที่เน้นการทำงานของหัวใจ และออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ

อันดับที่ 7 กินเยอะๆ พวกผักสีเขียวและผักหลากสี
ผักสีเขียวหรือผักหลายสีนัี้นจะมีวิตามินที่เป็นประโยชน์สูงปริ๊ดดดดดดด ทั้งยังมีแอนตี้ออกซิเด้นที่จะช่วยป้องกัน ความจำเสื่อม เช่น vitamin E,C,B มีอยู่เยอะในผักสีเขียว ดังนั้นกินเข้าไปโลด ดีทั้งนั้น ทำไง? กินผักผลไม้ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ ลองทำอาหารบำรุงสมองเช่นสลัดดูก็ได้

อันดับที่ 6 เข้าเรียน!!
ทำไมละ? ก็ความรู้คือพลังไงละ เคยได้ยินบ่? ทำไงดี? พยายามหาความรู้เข้าสมองให้เยอะๆ มีเรียนก็เข้าเรียน หุๆ แค่เพียงการ เทคคอร์สสักคอร์ส เพียงคอร์สเดียว ก็จะช่วยให้คุณได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นแล้วแหล่ะ รู้มาก เก่งมาก ไม่ยาก ใช่ไหม….

อันดับที่ 5 เล่นเกมส์พัฒนาสมอง
ทำไม? เกมส์ด้านตรรกะ จะช่วยให้คุณได้ใช้งานสมอง ด้านซ้าน ช่วยพัฒนากระบวนการคิดอย่างมีเหตุมีผล และทำให้กระบวนการคิดด้านตรรกะดีขึ้น ทำไง? เดี๋ยวนี้มีเกมส์แนวนี้เยอะแยะ เช่นเกมส์อักษรไขว้ โซดูกุ หาซื้อสักเล่มก็ได้ หรือจะเล่นวีดีโอเกมส์ หรือเกมส์คอมฯ ที่มันเอาไว้ “พัฒนาสมอง” หรือไม่ก็หาเล่น

เกมส์แนวนี้ออนไลน์ ก็ได้ มีเยอะแยะเีชียวแหละคับ ก็ลองหาไรทำเป็นกลุ่มดูสิ

อันดับที่ 4 อ่านมากเก่งมาก
ทำไม? คงไม่มีใครจะปฎิเสธนะครับว่าการอ่านมีประโยชน์แค่ไหน เดี๋ยวนี้นิยายหลายเรื่อง ก็มีในรูปแบบดิจิตอล หรือหาอ่าน แบบออนไลน์ก็ได้ ทำไง? เลือกหนังสือมาสักเล่ม แล้วเริ่มอ่าน อ่านปกมันดูก่อนก็ได้ แล้วลองหาดูว่า เล่มไหนที่เราอยากอ่าน หาเจอแล้วก็อ่านมันเสีย

อันดับที่ 3 หางานอดิเรกที่สร้างสรรค์ทำ
ทำไม? งานด้าน Creative จะพัฒนาสมองด้านขวา ในขณะที่ สมองด้านซ้ายจะเกี่ยวกับด้านความคิด ตรรกะต่างๆ พยายามใช้สมองทั้งสองด้าน แล้วสมองของคุณจะแจ่ม!! ทำไง? ใช้เวลาสักชั่วโมง เพื่อทำงานอดิเรกที่ creative เช่น วาดรูป แกะสลัก ถ่ายภาพ หรือแม้แต่ทำอาหาร ถ้าคุณไม่รู้จะทำ

ไรดี ก็ลองหาไรทำเป็นกลุ่มดูสิ

อันดับที่ 2 เลิกบุหรี่!
ทำไม? นอกจากการสูบบุหรี่จะทำร้ายคนอื่นแล้ว ควันบุหรี่นี่แหละทีเ่ป็นปัจจัยที่ทำให้คุณ ดูแก่ขึ้น และลดความสามารถในการจดจำ ทำไง? การเลิกบุหรี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าใดนัก แต่มันก็ ทำได้นะครับ มีวิธีแนะนำหลายๆอย่างเลยเกี่ยวกับ การเลิกบุหรี่ ลด ละ เลิก ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ได้ผลดีทีเดียว

อันดับที่ 1 เล่นเกมส์แนววางแผน
ทำไม? การเล่นเกมส์ที่เกี่ยวกับการวางแผนจะช่วยให้คุณเพิ่ม ทักษะการคิดด้านการวางแผนและทำให้คุณรู้จัก วิธีแก้ปัญหาที่คล้ายๆกันได้ หากเจอปัญหาในชีวิตจริง ทำไง? เกมส์แนวนี้มีเยอะ ทั้งเกมส์กระดาน เช่น หมากรุก หรือวีดีโอเกมส์ ก็มีแนวนี้เยอะจะตาย เลือกสักเกมส์ที่คุณอยากเล่นดู

น้ำมันมะกอก สาระพัดประโยชน์ ลดเสียงกรน

คุณรู้หรือไม่ว่าน้ำมันมะกอก เป็นนำมันพิเศษที่มีสรรพคุณแก้สาระพัดโรค ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด จึงช่วยป้องกัน
โรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะการแก้อาการนอนกรนได้อีกด้วย วันนี้มีทำความรู้จัดน้ำมันมะกอกกันดีกว่าครับ

มะกอกจัดเป็นผลไม้ที่มีเม็ดในแข็ง หนึ่งลูกจะมีหนึ่งเมล็ด เป็นพืชที่ทนได้ทุกสภาวะอากาศ ดอกมะกอกจะออกช่อในช่วงปลายฤดูหนาว มีดอกเล็กๆ สีขาว ผลจะโตเต็มที่ประมาณ 7-8 เดือนหลังออกดอกลำต้นจะสูงตั้งแต่ 3 เมตร จนถึง 18 เมตร ใบเรียวยาวสีเขียวเข้ม มีหลากหลายพันธุ์

น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันจากพืชที่แม้จะมีแคลอรี่สูง แต่มีข้อดีคือมีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูง และเป็นไขมันชั้นดี
ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด จึงช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้ นอกจากนี้ในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วย
วิตามินวิตามินเอ และอี ที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ทำให้น้ำมันมะกอกไม่เหม็นหืน โดยไม่ต้องเติมสารกันหืนเหมือนน้ำมันพืช
บางชนิด

ตัวผลมีรสขมและฝาด เมื่อแก่จัดสีจะเปลี่ยนจากเขียวจนเป็นสีคล้ำจนเกือบดำ มะกอกเป็นผลไม้ที่มีน้ำมันมากที่สุด ในผลมะกอกที่แก่จัด 100 กรัม ให้น้ำมันถึง 20-30 กรัม การสกัดเอาน้ำมันต้องเลือกผลที่แก่จัด จึงจะได้น้ำมันมะกอกที่มีประสิทธิภาพ

น้ำมันมะกอกถึงแม้จะมีแคลอรี่สูง แต่มีข้อดี คือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูง ทำให้ไม่เกิดไขมันสะสมในร่างกาย และน้ำมันมะกอกยังช่วยให้คนที่มีอาการนอนกรนลดเสียงกรนให้เบาลงได้ ด้วยการกินน้ำมันมะกอกสำหรับทำอาหาร ซึ่งควรเลือกแบบ EXTRA VIRGIN OLIVE OIL เพราะ เป็นแบบบริสุทธิ์ มีสีเขียวเข้มใส และนิยมนำมาใช้ในการทำสลัด

กินสัก 4-5 หยดก่อนนอน ทำอย่างต่อเนื่อง และทำควบคู่ไปกับวิธีดูแลสุขภาพอื่นๆ ร่วมด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับมาตรฐาน จะช่วยแก้ปัญหานอนกรนให้หมดไปได้

วิธีคลายเครียดจากน้ำท่วม

หตุการณ์น้ำท่วมปีนี้ ในหลายพื้นที่หนักหนาสาหัสเอาการเลยทีเดียว ผลพวงที่ตามมานอกจากความเสียหายในเรื่องของทรัพย์สินแล้ว ปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิตก็มีมากทีเดียว โดยเฉพาะความเครียดที่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

นพ.ทวี ตั้งเสรี รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข บอกว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดพบว่า มีคนเครียดสูงเพิ่มขึ้นทุกวันรวมแล้วหลายพันคน ทั้งนี้ความเครียดแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก มีอาการเครียดช่วงที่น้ำกำลังท่วม กลุ่มที่ 2 มีอาการเครียดหลังจากน้ำลดแล้ว และ กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ไม่รู้ว่าน้ำจะท่วมหรือไม่ กำลังรอคอยอยู่

กลุ่มแรกที่กำลังถูกน้ำท่วม มีความเสียหายเกิดขึ้น คนที่บ้านเคยถูกน้ำท่วมมาทุกปีจะไม่เครียดมาก เพราะรู้ว่ายังไงน้ำก็มาแน่ หลายคนก็อาจจะเตรียมพร้อมรับมือ เช่น เตรียมเสบียง รีบเก็บเกี่ยวข้าว และผลผลิตทางการเกษตร หรือหาที่อยู่ใหม่ แต่กลุ่มที่ไม่เคยเจอสถานการณ์น้ำท่วมมาก่อน เช่น อยู่ในเขตเมืองอาจตั้งตัวไม่ค่อยได้ เพราะเกิดความสูญเสียมากมาย ทั้งทรัพย์สิน ไม่มีที่หลับนอน การคมนาคมลำบากจะมีอาการเครียดมากกว่า

วิธีแก้ คือ หาเพื่อนคุยปรับทุกข์ อย่าอยู่เงียบ ๆ คนเดียว ออกกำลังกาย มีความหวัง ที่สำคัญคือ เปลี่ยนตัวเองจากผู้รับความช่วยเหลือเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ เช่น หากอยู่ในศูนย์อพยพก็ควรทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้อื่น บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ ก็จะทำให้รู้สึกว่าได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ หรือถ้าอยู่ในชุมชน ทางชุมชนช่วยกันทำคันกั้นน้ำขนกระสอบทรายก็ควรเข้าไปช่วยเหลือ

กลุ่มที่ 2 มีอาการเครียดหลังจากน้ำลดแล้ว กลุ่มนี้จะเห็นความเสียหายทำให้เกิดความเครียดสูง วิธีแก้ไข คือ วางแผนแก้ไขปัญหาเป็นขั้นเป็นตอนว่าจะทำอะไรก่อนและหลัง โดยเริ่มจากง่ายไปหายาก เพราะถ้าเริ่มจากปัญหาที่ยากเลยกว่าจะสำเร็จต้องใช้เวลาอาจทำให้เกิดความ ท้อแท้ นอกจากนี้อย่าหมดกำลังใจ และไม่ควรรอรับการช่วยเหลืออย่างเดียว ควรเป็นฝ่ายรุกเข้าไปหาความช่วยเหลือ

กลุ่มที่ 3 ไม่รู้ว่าน้ำจะท่วมหรือไม่ กำลังรอคอยอยู่ กลุ่มนี้เป็นความตระหนกมากกว่า เกิดจากการติดตามข่าวสารในแต่ละวันมากจนเกินไป ได้รับข้อมูลข่าวสารไม่ชัดเจนว่าน้ำจะท่วมหรือไม่ท่วม บวกกับมีข่าวลือต่าง ๆ นานาทำให้เกิดความกลัวและตื่นตระหนก ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลสูง ผลที่ตามมาคือ กลุ่มนี้จะป้องกันตัวเอง เช่น เอารถไปเก็บในที่สูง ซื้ออาหารกักตุน

วิธีแก้ไข คือ ลดการบริโภคข่าวสารในแต่ละวันลง เช่น รับฟังข่าวสารวันละ 30-40 นาที จากนั้นควรพักโดยออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ขณะเดียวกันควรติดตามสถานการณ์จากทางราชการว่าน้ำจะมาเมื่อไหร่อย่างไร หากไม่มั่นใจก็สามารถสอบถามข้อมูลจากทางราชการ ซึ่งมีสายด่วนให้บริการอยู่แล้ว

สิ่งสำคัญคือ ทางฝ่ายราชการข้อมูลต้องชัดเจนว่าพื้นที่ไหนเป็นสีเขียว น้ำไม่ท่วม ประชาชนจะได้ไม่เป็นกังวลออกไปทำมาหากินได้อย่างสบายใจ พื้นที่ไหนเป็นสีแดงน้ำท่วมก็จะได้หาทางป้องกัน หรือพื้นที่ไหนเป็นสีเหลืองคือไม่แน่ใจก็จะได้เตรียมตัว

อาการเครียดของทั้ง 3 กลุ่มที่อาจเกิดขึ้น คือ ปวดต้นคอ ปวดท้ายทอย ปวดหัว ใจสั่น นอนไม่หลับ รู้สึกหวาดหวั่น กลัวโดยไม่มีเหตุผล ไม่ค่อยมีสมาธิ ความจำไม่ค่อยดี เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน ถ้ามีอาการเครียดมาก คือ ปวดหัวมาก นอนไม่หลับบ่อย ตื่นเช้าขึ้นมาไม่สดชื่น ในกรณีที่หาเพื่อนคุย ออกกำลังกายแล้วไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจให้ยาคลายเครียดรับประทาน ทั้งนี้ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ควรรึกษาและขอคำแนะนำจากแพทย์ดีกว่า ต้องบอกว่า ความเครียดในแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับต้นทุนชีวิตของแต่ละคน ว่าจะสามารถปรับตัวได้มากน้อยแค่ไหน อีกทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นก็เป็นปัจจัยหนึ่งว่าจะทำให้เกิดความเครียด น้อยหรือเครียดมาก

นพ.ทวี กล่าวต่อว่า จากปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมา กรมสุขภาพจิตได้ส่งทีมจิตแพทย์เข้าไปดูแลร่วมกับทีมแพทย์ที่ดูแลสุขภาพกาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการพูดคุยคัดกรองภาวะเครียด ซึมเศร้า รวมถึงภาวะเสี่ยงฆ่าตัวตาย หากพบว่าอยู่ในภาวะเสี่ยงก็พูดคุยให้กำลังใจ แนะวิธีคลายเครียด ในรายที่เครียดมากนอนไม่หลับ อาจต้องให้ยาคลายเครียด

จากที่ได้ลงพื้นที่ไปกับนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รมช.สาธารณสุข ซึ่งมีตลกลงไปด้วย พบว่า หลายพื้นที่ชาวบ้านเห็นตลกยังยิ้มและหัวเราะได้อยู่แสดงว่าตลกที่ลงไปช่วย ได้มาก และเป็นสิ่งที่เขาต้องการ ไม่ใช่เฉพาะคณะตลกเท่านั้น ดารานักแสดงก็เช่นกัน ถ้าลงไปแล้วทำกิจกรรม เช่น ร้องเพลง หรือชวนเด็ก ๆ วาดรูปสิ่งเหล่านี้จะช่วยได้มาก

ท้ายนี้ขอแนะนำวิธีง่าย ๆ ในการออกกำลังกาย หรือคลายเครียด สำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วมซึ่งมีพื้นที่จำกัด คือ อาจบริหารร่างกาย ๆ ก้ม ๆ เงย ๆ วิดพื้นอยู่ในบ้าน ถ้าอยู่ตามศูนย์อพยพ ทางศูนย์อาจจัดกิจกรรมเต้นแอโรบิกก็ได้ อย่างที่บอกคือ ผู้ประสบภัยน้ำท่วม แทนที่จะรอรับความช่วยเหลือก็เปลี่ยนไปให้ความช่วยเหลือผู้อื่น.

17 มาตรการ ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ช่วงน้ำท่วม


ในช่วงที่ประชาชนทั้งหลายต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วมเช่นนี้ แน่นอนว่าทุก ๆ คนล้วนประสบปัญหากันอย่างถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขาดแคลนเครื่องอุปโภคและบริโภค ที่อยู่อาศัยพังเสียหาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บซึ่งตามมากับน้ำท่วมมากมาย อาทิ น้ำกัดเท้า อุจจาระร่วง ไข้ฉี่หนู ตาแดง ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก รวมทั้งอันตรายจากภัยอื่น ๆ ทางน้ำ เช่น การตกจมน้ำ ไฟฟ้าช็อต สัตว์มีพิษอันตราย ฯลฯ

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินชีวิตในช่วงน้ำท่วมของผู้ประสบภัยและประชาชนที่เดือดร้อนกับภาวะน้ำท่วมเป็นไปด้วยความปลอดภัย เภสัชกรเชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ ได้แนะนำมาตรการจำเป็น 17 ประการ เพื่อเป็นการป้องกันโรคและภัยจากน้ำท่วมให้กับประชาชน ดังนี้

1) หากจำเป็นต้องเดินทางหรือทำกิจกรรมทางน้ำ ควรเตรียมตัวอุปกรณ์ชูชีพให้พร้อม หรือนำอุปกรณ์ประยุกต์ที่หาง่ายติดตัวไปด้วยเสมอ เช่น ถังแกลลอนเปล่าปิดฝา ขวดน้ำพลาสติกเปล่าปิดฝา

2) ให้ระวังเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว เพราะอาจถูกกระแสน้ำพัดพาหรือตกลงในบ่อน้ำลึกได้

3) อย่าพยามยามวิ่งหรือขับรถผ่านในที่มีน้ำไหลเชี่ยว

4) ควรงดการดื่มสุรา เนื่องจากทำให้ทรงตัวไม่ดีเพิ่มโอกาสลื่นล้ม พลัดตกจมน้ำ หรืองดตัดสินใจทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเสี่ยงต่อการเสียชีวิต เช่น กระโดดจากสะพานลงเล่นน้ำ เป็นต้น

5) ให้ตัดสวิตซ์กระแสไฟฟ้าเพื่อป้องกันไฟฟ้าดูดหรือช็อต ขณะเกิดน้ำท่วมขัง

6) เก็บของมีค่าและจำเป็นขึ้นที่สูงเพื่อป้องกันน้ำท่วม

7) จัดเตรียมของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เช่น น้ำดื่ม ไฟฉาย ยารักษาโรคพื้นฐาน ยาโรคประจำตัว และสิ่งของที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิตอื่น ๆ

8) อาหารกล่องที่ได้รับแจก ควรรับประทานทันทีอย่าเก็บไว้ เพราะจะทำให้อาหารบูด เน่าเสีย อาหารเป็นพิษได้ หากมีเหลือควรสิ้งใส่ถุงพลาสติกแล้วมัดปากถุง

9) ล้างมือก่อนรับประทานอาหารหรือหลังออกจากห้องน้ำ ห้องห้องส้วมทุกครั้ง

10) ไม่ควรใช้มือขยี้ตาอาจทำให้ตาติดเชื้อและอาจเสี่ยงเป็นโรคตาแดงได้

11) ในกรณีที่มีบาดแผล ไม่ควรเดินลุยย่ำน้ำ ย่ำโคลน ควรใส่รองเท้าบูทหรือถุงพลาสติกยาวป้องกันเท้าและสวมทับด้วยถุงเท้าและ รองเท้า แต่หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ ย่ำน้ำเสร็จแล้วควรทำความสะอาดเท้าและแผลแล้วเช็ดให้แห้ง

12) กรณีมีสัตว์ป่วยตาย ให้ใส่ถุงพลาสติกแล้วผูกให้มิดชิด หรือนำไปฝัง เผา ไม่ควรนำทิ้งลงน้ำอาจทำให้แพร่เชื้อในกระแสน้ำเกิดโรคระบาดได้

13) ไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงมาอยู่ใกล้ชิดเพราะอาจติดเชื้อโรคจากสัตว์ได้

14) สำรวจภาชนะที่มีน้ำขังให้คว่ำไว้ เพื่อป้องกันเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายพาหนะโรคไข้เลือดออก

15) ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกเสมอ และดื่มน้ำสะอาด

16) ทิ้งขยะและเศษอาหารในถุงพลาสติก มัดปากถุงให้มิดชิดห้ามทิ้งลงน้ำ

17) ให้ระมัดระวังสัตว์มีพิษ กัด ต่อย พร้อมทั้งหมั่นสำรวจตรวจตราบ้าน กองผ้า ถุงใส่ของ เพื่อป้องกันสัตว์มีพิษหลบเข้าไปอยู่อาศัยใกล้ตัว

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ดูทีวี1ชั่วโมงอายุสั้นลง22นาที ชี้อันตรายเท่าสูบบุหรี่-โรคอ้วน


งานวิจัยระบุว่า รูปแบบชีวิตนั่งๆ นอนๆ ทำร้ายสุขภาพพอๆ กับการสูบบุหรี่และโรคอ้วน เนื่องจากอันตรายจากการไม่ออกกำลังกายและโอกาสที่เพิ่มขึ้นในการกินอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์

นักวิจัยทำการศึกษาเรื่องนี้โดยตั้งโจทย์คำนวณความเสี่ยงโดยรวมต่ออายุคาดเฉลี่ยจากการดูทีวี จากข้อมูลที่เก็บจากกลุ่มตัวอย่างกว่า 11,000 คน อายุ 25 ปีขึ้นไป

รายงานที่อยู่ในบริติช เจอร์นัล ออฟ สปอร์ตส์ เมดิซินสรุปว่า เวลาในการดูทีวีอาจเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตที่เทียบได้กับปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังสำคัญ เช่น การไม่ออกกำลังกายและโรคอ้วน รวมถึงการสูบบุหรี่ ซึ่งงานวิจัยอื่นๆ แสดงให้เห็นว่า บุหรี่ 1 มวนทำให้อายุสั้นลง 11 นาที หรือเท่ากับการดูทีวีครึ่งชั่วโมง

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ใช้ข้อมูลจากการศึกษาโรคเบาหวาน โรคอ้วน และรูปแบบการใช้ชีวิตของคนออสเตรเลีย รวมถึงข้อมูลประชากรและอัตราการตาย

อย่างไรก็ดี นักวิจัยยืนยันว่าผลลัพธ์ที่ได้น่าจะครอบคลุมถึงประเทศอุตสาหกรรมและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ด้วย โดยพิจารณาจากเวลาในการดูทีวีและรูปแบบโรคที่ใกล้เคียงกัน

นักวิจัยจากคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐฯ ระบุว่าการที่การดูทีวีนานๆ ส่งผลให้เกิดโรคและการเสียชีวิตก่อนวัยน่าจะมีเหตุผลจากปัจจัยทางชีววิทยา เนื่องจากมีงานวิจัยหลายฉบับบ่งชี้ว่า พฤติกรรมการนั่งๆ นอนๆ เชื่อมโยงกับโรคอ้วน ระดับไขมันในเลือดสูง และปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจอื่นๆ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการกินอาหารขยะ

อนึ่ง เมื่อต้นปี มีงานวิจัยฉบับหนึ่งชี้ว่า ความเสี่ยงโรคเบาหวานประเภท 2 และโรคหัวใจ หรือการเสียชีวตก่อนวัยเพิ่มขึ้นถึง 20% จากการดูทีวีเพียงวันละ 2 ชั่วโมง

ในทางกลับกัน งานศึกษาอีกฉบับแสดงให้เห็นว่า การออกกำลังกายเพียง 15 นาทีต่อวัน สามารถเพิ่มอายุคาดเฉลี่ยได้ถึง 3 ปี และลดความเสี่ยงเสียชีวิตก่อนวัย 14% รวมทั้งลดความเสี่ยงการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ 4%

นอกจากนี้ รายงานที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์แลนเซ็ตยังระบุว่า การออกกำลังกายยังช่วยป้องกันโรคมะเร็ง แม้ว่ากิจกรรมนี้จะมีประโยชน์สูงสุดหากออกกำลังกายวันละ 100 นาทีก็ตาม

การศึกษาดังกล่าวครอบคลุมผู้ใหญ่กว่า 400,000 คนที่เข้าร่วมโปรแกรมการตรวจสุขภาพในไต้หวัน ซึ่งมีการติดตามผลระหว่างปี 1996-2008

ผู้เชี่ยวชาญพบว่า ถ้าออกกำลังกายเล็กน้อยต่อวันจะสามารถลดความเสี่ยงการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุได้ถึง 1 ใน 6