วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

โอเมก้า 3" ลดความเสี่ยง "โรคหัวใจ" หาได้ใน "ปลาทูไทย"




ความเจริญของโลกใบนี้ก่อให้เกิดการพัฒนาอาหารที่มีความหลากหลาย เพื่อให้ถูกปากและถูกใจคนกินมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะไขมันที่มีมากในอาหารประเภทเร่งด่วน ตัวเร่งให้เกิดความอ้วนและโรคนานาชนิดที่แฝงมากับอาหารในโลกยุคใหม่ดังนั้น เราจำเป็นต้องปรับพฤติกรรมการกินให้เหมาะสม เพื่อหลีกหนีอาหารที่หน้าตาดีแต่ไม่มีประโยชน์เหล่านั้นศ.น.พ.นิธิ มหานนท์ อายุรแพทย์โรคหัวใจและเลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลปิยะเวทกล่าวว่า การรับประทานอาหาร และการดำเนินชีวิตแบบเร่งรีบเป็นตัวทำให้เกิดโรคได้มากมาย โดยเฉพาะโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ ซึ่งมีโอกาสพัฒนาไปเป็นโรคหัวใจและโรคเส้นเลือดในสมองได้ในอนาคตและยิ่งอาหารที่เราบริโภคในปัจจุบัน ถือว่ามีสารอาหารต่าง ๆ หดหายไป ซึ่งบางชนิดยังเป็นโทษต่อร่างกายอีกด้วย เช่น ผลไม้ที่มีความหวานมากขึ้น ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคได้โดยเฉพาะไขมันซึ่งมีทั้งไขมันดีและไขมันไม่ดี ซึ่งร่างกายต้องการไขมันดีมาช่วยให้การฟื้นฟูเซลล์และฮอร์โมนใน ส่วนต่าง ๆ จากข้อมูลทางวิชาการพบว่า ไขมันที่ร่างกายต้องนำไปใช้คือ โอเมก้า 3, 6 และ 9 ซึ่งตัวที่ร่างกายต้องการมากที่สุดคือ โอเมก้า 3 ที่จะช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคสมองเสื่อมได้สำหรับโอเมก้า 3 บางชนิด ถ้าได้ตั้งแต่เด็ก ๆ หรืออยู่ในครรภ์มารดาจะทำให้การเจริญเติบโตของสมองดีขึ้น และยังมีผลการวิจัยพบว่า โอเมก้า 3 ยังช่วยลดอาการอักเสบของโรคข้ออักเสบได้ด้วย ส่วนผู้ป่วยโรคหัวใจนั้นโอเมก้า 3 จะช่วยป้องกันโรคได้ และถ้าในคนที่เป็นโรคแล้วยังป้องกันไม่ให้มีอาการเพิ่มขึ้น ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพ (อเมริกา) และที่ปรึกษาโภชนบำบัดโรงพยาบาลเทพธารินทร์กล่าวว่า โอเมก้า 3 มีมากอยู่ในอาหารจำพวกปลาทะเล แต่ก็มีอาหารชนิดอื่น ๆ ที่มีสารอาหารชนิดนี้ด้วยเช่นกัน อาทิ ในน้ำมันบางชนิดในพืชบางชนิด เช่น ถั่วเหลือง ผักโขม ผักแขนง เมล็ดปอ และในสาหร่าย แต่ในอาหารเหล่านี้จะเป็นโอเมก้า 3 ที่ไม่ใช่รูปแบบเดียวกับที่อยู่ในปลาอย่างไรก็ตาม โอเมก้า 3 จะถูกทำลายเมื่อนำไปประกอบอาหารด้วยวิธีใช้ความร้อนสูง ๆ โดยเฉพาะวิธีการทอด เพราะโอเมก้า 3 จะละลายไปกับน้ำมันที่ใช้ทอดเกือบทั้งหมด ดังนั้น วิธีที่จะประกอบอาหารให้ คงโอเมก้า 3 ไว้ให้ได้มากที่สุดก็คือ การยำ การต้ม หรือแกง เพราะโอเมก้า 3 จะละลายอยู่ในน้ำซุปหรือน้ำแกง นอกจากนั้น ปลาทูของไทยยังมีโอเมก้า 3 มากเพียงพอกับปลาแซลมอน ที่ไม่จำเป็นต้องซื้อหาปลาราคาแพงมาประกอบอาหารเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น