วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

กันสมองเสื่อมด้วยคณิตศาสตร์



วิชาคณิตศาสตร์ เป็นวิชาน่าเบื่อ และยากสำหรับหลายๆ คน วิชาเลขนี่เป็นยาไม่ถูกโรคจริงๆ นั่งเรียนทีไรเป็นตื่นตะลึง เพราะมีอาจารย์ท่านหนึ่งสมัยพี่อยู่มัธยมต้น จะต้องนำเข้าสู่บทเรียนด้วยการให้ตอบคำถามคิดเลขเร็ว แบบไม่ให้ใครรู้ตัวล่วงหน้า เข้ามาถึงบอกทำความเคารพเรียบร้อย ก็จะเริ่มเลย!! เลขที่สาม 3x8 เลขที่สิบแปด 9+28 เลขที่สามสิบหก 9x7 เลขที่สาม 43-8 ไล่ถามแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเกือบสิบห้านาทีของทุกคาบ นักเรียนผุดลุกผุดนั่งตอบกันเหงื่อตก คนตอบได้ก็โล่งไปได้รอบหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้จะโดนอีกหรือเปล่า ใครตอบไม่ได้หรือคิดไม่ทันใจจนอาจารย์ให้นั่ง จะรู้สึกหน้ามาก

กลวิธีการป้องกันสมองเสื่อมด้วยการคิดเลขแบบง่ายๆ
1. ตั่วรถประจำทาง
ขึ้นรถประจำทางมันก็ต้องได้ตั๋ว ในตั๋วจะมีตัวเลขแถวยาวๆ เราก็แค่นำตัวเลขพวกนั้นมาคำนวณกัน เริ่มต้นง่ายๆ คือ นำมาบวกกันทุกตัวเรียงไป หรือใครมีกลวิธีบวกทุกตัวให้ได้เร็วที่สุดก็ไม่ว่ากัน ถ้าเก่งแล้วจะขยับขยายเป็นลบบ้างบวกบ้าง คูณกันทุกตัวบ้างก็เยี่ยมเลย แต่ให้ทำเป็นนิสัยขึ้นรถปั๊บ จ่ายสตางค์ รับตั๋ว ยืนให้มั่น (หรือใครได้นั่งก็โชคดี) แล้วคิดเลขในตั๋วเลย!!!
และพอคิดเสร็จแล้วอย่าทิ้งตั๋วลงพื้นให้เป็นขยะนะ เก็บลงกระเป๋าแล้วนำไปทิ้งถังขยะจริงๆ ดีกว่า ตั๋วรถประจำทางใบเล็กแม้จะเป็นขยะชิ้นเล็กมากๆ แต่ถ้าทุกคนทิ้งคนละใบ หลายคนก็กลายเป็นขยะกองใหญ่ได้ อย่าทำเลย ให้มันเป็นประโยชน์กับสมองเราก่อน แล้วทิ้งให้เป็นที่เป็นทางดีกว่า

2. คิดราคาเวลาซื้อของ
เมื่อเราไปซื้อของ ถ้าซื้อชิ้นเดียว ก็ให้เราคิดจำนวนเงินทอนที่จะได้รับ แต่ถ้าซื้อหลายชิ้นก็ต้องบวกราคาของก่อน แล้วถ้ายิ่งไปซื้อของในห้างสรรพสินค้า ที่มีของให้เลือกมากมาย ก็ยังสามารถเลือกสินค้าและเปรียบเทียบค่าปริมาณหรือปริมาตรของได้ด้วย แต่หลักๆ แล้ว ก็ให้คิดราคาบวกกันไว้ในใจ ก่อนไปจ่ายเงินค่าสินค้า นอกจากการคิดเลขแล้ว ยังได้เรื่องความจำด้วยนะ เพราะกว่าเราจะซื้อของเสร็จ เราต้องจำราคาบวกชิ้นก่อนๆไว้ ใครเผลอเดินเพลิน อาจลืมที่คิดไว้แล้วก็ได้ ลึกซึ้งเนอะ แล้วพอจะจ่ายเงิน เราก็ดูว่าเรามีความจำและคิดเลขเก่งขนาดไหน ได้ราคาเดียวกับที่เครื่องคิดหรือเปล่า นอกจากคิดราคาของจะช่วยกระตุ้นสมองพัฒนา ยังได้ระวังกันการโกงราคา หรือราคาไม่ตรงตามป้ายที่ติดไว้ด้วยนะ

3. นับขั้นบันได
วิธีธรรมดาที่ดูไม่น่าช่วยพัฒนาสมองอะไรได้ ก็ใครจะไปนับขั้นบันไดให้เสียเวลาล่ะ แต่นี่แหละวิธีฝึกสมองชั้นดี ยิ่งบ้านใครมีหลายชั้น หรือมีจำนวนขั้นบันไดต่างกัน ยิ่งสนุกเลย ลองคิดดูสิ มีสักกี่คนที่จะรู้ว่าบ้านตัวเองมีบันไดทั้งหมดกี่ขั้น แต่วิธีนี้จะนับแต่บ้านตัวเองก็กระไร อย่างไรจำนวนก็ไม่เปลี่ยนไป (หรือบ้านใครจำนวนขั้นบันไดเปลี่ยนได้ บรื๋ออออ) แต่ให้ลองนำไปใช้กับการเดินทางในแต่ละวันว่าเราได้เดินขึ้นบันไดกี่ขั้นบ้าง ก็จะได้ฝึกสมองไปในตัว เช่น นอกจากบันไดธรรมดา บันไดเลื่อนก็นับได้นะ เราก็เดินก้าวขึ้นหรือลงบันได้เลื่อนสิ อย่าปล่อยให้มันเลื่อนพาเราไปเฉยๆ แถมเร็วขึ้นด้วยนะ แต่นับขั้นบันไดเลื่อนยาก ให้เปลี่ยนเป็นนับก้าวที่เราก้าวแทน เราก้าวบนบันได้เลื่อนไปกี่ก้าว ก็นำมานับแล้วรวมกับบันไดไม่เลื่อนที่เราขึ้นลงในวันเดียวกันก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญ หากเราจะใช้การนับขั้นบันไดเพื่อฝึกสมอง เราต้องฝึกสติรับรู้รอบข้างไปพร้อมๆ กันด้วย ถ้ามัวแต่นับขั้นบันไดอย่างเดียว ไม่ดูทาง ไม่ดูรอบข้าง ไม่ดูว่ามีอะไรกีดขวางข้างหน้าหรือเปล่า อาจเกิดอุบัติเหตุหรือโจรฉกชิงได้นะ

4. ท่องสูตรคูณกลับหลัง
วิธีที่ครูคณิตศาสตร์คนเดียวกันบังคับพี่เกียรติ และเพื่อนให้ท่องให้ได้เพื่อสอบเก็บคะแนน กลวิธีนี้ช่วยสมองมากๆ เลย ทั้งฝึกเชื่อมโยงข้อมูลในสมอง ฝึกการคิดแบบยืดหยุ่น และที่สำคัญเท่และสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ ต้องรีบลองเลยนะ สนุกอย่างคาดไม่ถึงทีเดียวเชียว

5. ตั้งโจทย์เล่นกับเพื่อน
กลวิธีนี้วิธีการไม่ยากเลย แบบเดียวกับที่คุณครูคณิตศาสตร์ของพี่ใช้ แต่เราไม่ต้องรอให้ครูถาม นำมาถาม ตอบกันเองเสียเลย แต่เพิ่มกฎสักนิด ให้เพื่อนคิดโจทย์ไว้สัก 10 ข้อก่อน แล้วก้นำมาถามเรา โดยให้จับเวลาว่า 10 ข้อของเราใช้เวลากี่นาที ใช้การจับเวลาแข่งขันกันก็ได้ แต่เรื่องตั้งโจทย์เนี่ย ระวังจะตั้งกันแบบไม่ยุติธรรมนะ คนหนึ่งตั้งโจทย์เป็นเลขบวกลบสองหลัก แต่อีกคนกลับตั้งเลขคูณสองหลัก แบบนี้เวลาที่ใช้คำนวณต้องต่างกันแน่ๆ เนอะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น